ประวัติการเข้าชมของฉัน

คู่มือโตเกียวของฉัน

เมื่อพบหน้าเพจที่สนใจ กรุณาคลิกที่เครื่องหมายหัวใจเพื่อบันทึกไว้เป็น "ประวัติการเข้าชมของฉัน" กัน

เนื้อหาหลักเริ่มที่นี่

Updated: September 30, 2020

แม้โตเกียวซึ่งมีผู้คน 14 ล้านคนใช้ชีวิตอยู่และมีสถานีรถไฟหลายร้อยสถานีจะเป็นมหานครใหญ่ แต่สำหรับการสำรวจใจกลางเมืองนั้น ถึงมีเวลาไม่กี่วันก็นับว่าเพียงพอแล้ว โดยทัวร์นี้ครอบคลุมตั้งแต่แหล่งศูนย์กลางแฟชั่นของวัยรุ่นไปจนถึงร้านเหล้าในย่านดาวน์ทาวน์ อีกทั้งย่านที่จะแนะนำต่อจากนี้ล้วนเป็นที่ที่เหมาะแก่การเดินเที่ยว สรุปก็คือสามารถออกไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทาง

ไฮไลท์

  • ขอแนะนำให้ซื้อ IC Card (เช่น PASMO หรือ Suica เป็นต้น) เพื่อประหยัดเวลาที่จะต้องไปซื้อตั๋วทุกครั้ง โดยบัตรนี้สามารถนำไปใช้ซื้อของจากตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติและร้านสะดวกซื้อได้ด้วยจึงสะดวกสบายมาก
  • ไม่ควรพลาดวิวจากระเบียงชมวิวของศูนย์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอาซากุสะ
  • หากต้องการหลีกหนีจากความแออัดคับคั่งของฮาราจูกุ ขอแนะนำพิพิธภัณฑ์ศิลปะ อนุสรณ์โอตะซึ่งเน้นศิลปะภาพอูกิโยเอะโดยเฉพาะ
  • ละแวกโอโมเตะซันโดมีอาคารชื่อดังสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมอยู่มากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้าโตคิวพลาซ่า โอโมเตะซันโด ฮาราจูกุ และซันนี่ฮิลส์
  • Hands สาขาชิบุยะโดดเด่นในเรื่องมีสินค้า DIY งานหัตถกรรมและอุปกรณ์งานฝีมืออยู่อย่างครบครัน และยังไปนั่งพักผ่อนที่คาเฟ่ชั้นบนสุดได้ด้วย

วันที่ 1 : อาซากุสะ อุเอโนะ

อาซากุสะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโตเกียวอยู่ หากสวมชุดกิโมโนให้เช่าแล้วไปเดินเล่นในเขตวัดเซนโซจิโดยมีโตเกียวสกายทรีเป็นฉากหลังก็จะสัมผัสถึงความรู้สึกย้อนยุคได้ ทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของประตูคามินาริซึ่งเป็นทางเข้าวัดมีรูปปั้นฟูจินและไรจินตั้งตระหง่านอยู่ และเมื่อเดินลอดประตูเข้าไปก็จะมีถนนนากามิเสะที่มีความยาวทั้งหมด 250 เมตรทอดตัวไปถึงอาคารหลัก นอกจากนี้ถนนโดยรอบของวัดยังมีร้านเช่าชุดกิโมโนและร้านค้ามากมาย เช่น ร้านงานหัตถกรรมดั้งเดิม ร้านขายอาหารว่างและร้านเครื่องประดับ

หลังจากสักการะศาลเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ไปยังถนนฮอปปี้ที่มีร้านเหล้าสไตล์อิซากายะย้อนยุคตั้งเรียงรายอยู่ โดยร้านส่วนใหญ่จะประดับโคมไฟเอาไว้ และข้างนอกร้านก็มีจะโต๊ะตั้งอยู่ด้วย ขอแนะนำให้ตระเวนไปร้านต่างๆ แล้วเพลิดเพลินกับอาหารมื้อเบาๆ และเหล้า
ย่านเครื่องครัวคัปปะบาชิที่มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องครัวอยู่ในระยะที่เดินจากอาซากุสะไปได้ไม่ไกล โดยที่นี่มีอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่นซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกอยู่หลากหลายชนิดจนน่าตกใจ รวมถึงอาหารจำลองที่ทำจากพลาสติกได้เหมือนของจริงก็เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว

เมื่อเดินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกก็จะไปถึงอุเอโนะ สำหรับที่นี่ขอแนะนำให้ลองชะเง้อมองร้านค้าและแผงลอยที่ย่านร้านค้าอาเมโยโกะโดยย่านร้านค้าที่มีจุดเริ่มต้นมาจากตลาดมืดที่สร้างขึ้นหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 แห่งนี้มีสินค้ามากมายจนเรียกได้ว่าไม่มีของที่หาซื้อไม่ได้ ตั้งแต่ชา อาหารทะเลตากแห้ง ไปจนถึงหมวกและเสื้อผ้าราคาไม่แพง และในตอนกลางคืนร้านเหล้าสไตล์อิซากายะของที่นี่จะคึกคักจอแจไปด้วยผู้คน ทำให้สามารถสัมผัสบรรยากาศดาวน์ทาวน์ในวันวานอันแสนหวานได้

วันที่ 2 : โยโยกิ ฮาราจูกุ ชิบุยะ

จุดเริ่มต้นของวันที่ 2 คือ สวนสาธารณะโยโยกิ โดยเดินผ่านทางเข้าวัดที่มีต้นไม้สูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาเพื่อมุ่งไปยังศาลเจ้าเมจิที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะจักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเก็ง ป่าที่ล้อมรอบศาลเจ้านั้นเงียบสงัดจนเกือบลืมไปว่าตอนนี้อยู่ใจกลางเมือง และช่วยทำให้จิตใจสงบ เมื่อเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะเป็นฮาราจูกุ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของป็อปคัลเจอร์ญี่ปุ่น ขั้นแรกขอแนะนำให้ลองหาแฟชั่นเฉพาะตัวหรือเครื่องประดับน่ารักๆ ราคาไม่แพงและขนมที่เหมาะแก่การโพสต์ลงอินสตาแกรมที่ถนนทาเคชิตะโดริ นอกจากนี้ก็ไม่ควรลืมตรอกด้านหลังด้วย สตรีทอาร์ตสีสันสดใสถือเป็นฉากในการถ่ายภาพที่ดีที่สุด

ที่ถนน Cat Street ซึ่งเชื่อมฮาราจูกุกับชิบุยะมีร้านค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่ร้านเสื้อผ้ามือสองไปจนถึงร้านขายอุปกรณ์กลางแจ้งตั้งเรียงรายกันอยู่ และชิบุยะถือเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งที่มีแบรนด์ดังและแฟชั่นวัยรุ่นผสมปนเปกันอยู่ อีกทั้งเมื่อเร็วๆ มานี้ที่นี่ได้มีการพัฒนาปรับปรุงขนานใหญ่ ดังนั้นเพื่อที่จะรู้จักโตเกียวในรูปแบบใหม่ล่าสุด ย่านนี้นับว่าเหมาะสมที่สุด

ขั้นแรกให้เดินไปสวนสาธารณะมิยาชิตะที่หลอมรวมสวนสาธารณะกับอาคารพาณิชย์เอาไว้ด้วยกัน จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง “PARCO ชิบุยะ” ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยขอแนะนำให้ไปศูนย์อาหารแปลกแหวกแนวที่ชั้นใต้ดินและระเบียงที่ดาดฟ้าด้วย นอกจากนี้ เมื่อข้ามทางม้าลายยักษ์ข้ามถนนห้าแยกชิบุยะโดยมุ่งหน้าไปทิศที่กลับไปยังสถานีชิบุยะแล้ว ขอแนะนำให้ขึ้นลิฟต์ไปจุดชมวิว “SHIBUYA SKY” ของตึกระฟ้า “ชิบุยะสครัมเบิลสแควร์” ที่อยู่ตรงหน้าในชั่วอึดใจ วิวโตเกียว 360 องศาจะทำให้คุณตกตะลึงจนลืมหายใจได้อย่างแน่นอน ในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย

วันที่ 3 : ชิโมะคิตาซาวะ ชินจูกุ

วันสุดท้าย ขอเชิญชวนให้มุ่งหน้าไปยังชิโมะคิตาซาวะที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงเล็กน้อย ย่านที่น่าอยู่อาศัยและไวต่อกระแสนิยมแห่งนี้ มีร้านแฟชั่นแนววินเทจกับคาเฟ่น่ารักๆ และร้านกาแฟสุดล้ำทันกระแสกับร้านแผ่นเสียงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีร้านที่สามารถเพลิดเพลินกับเหล้าได้ในราคาไม่แพงด้วย การเดินเล่นตามถนนนับเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน และยังมี “พื้นที่ว่างชิโมะคิตะ เซ็นโรไก อากิจิ” ซึ่งเป็นอีกสถานที่ที่สามารถมาผ่อนคลายกลางแจ้งได้ ที่นี่มีรถขายอาหารที่ผลัดเปลี่ยนทุกวันมาออกร้านด้วย จึงสามารถนั่งปิกนิกได้ในทันที นอกจากนี้ บางทีก็จะมีการจัดงานอีเวนต์ด้วย จึงขอแนะนำให้ลองแวะมาให้ได้

จากชิโมะคิตาซาวะถ้านั่งรถไฟสายโอดะคิวก็จะไปถึงชินจูกุได้ทันที สำหรับที่นี่ความประทับใจเมืองยามค่ำคืนที่มีแสงไฟนีออนส่องประกายอาจจะโดดเด่น แต่ก็ยังมีสวนสาธารณะแห่งชาติชินจูกุเงียวเอนซึ่งงดงามเสมอไม่ว่าจะมาเยือนในฤดูไหน ถือเป็นโอเอซิสของเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว และหากต้องการเรียนรู้เชิงประสบการณ์สนุกๆ ขอแนะนำให้ไป “Ninja Trick House in Tokyo” โดยที่นี่สามารถเล่นไขปริศนา หรือสัมผัสดาบได้ (แน่นอนว่ามีการคำนึงถึงความปลอดภัย!)

ถ้าใช้เวลายามค่ำคืนที่ร้านเหล้าสไตล์อิซากายะท้องถิ่นหรือโรงอาหาร ก็จะสามารถจบการเยือนชินกูจุในรูปแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้ ร้านที่ตั้งเบียดเสียดกันอยู่ในตรอกแคบๆ ของย่านโอโมอิเดะ โยโกโจและโกลเดนไกล้วนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง น่าจะทำให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลาอยู่ในโตเกียวเมื่อหลาย 10 ปีก่อนได้