
คู่มือโตเกียวของฉัน
เมื่อพบหน้าเพจที่สนใจ กรุณาคลิกที่เครื่องหมายหัวใจเพื่อบันทึกไว้เป็น "ประวัติการเข้าชมของฉัน" กัน
เนื้อหาหลักเริ่มที่นี่
Updated: February 20, 2023
“เรียวโกกุ” ตั้งอยู่ริม “แม่น้ำซูมิดะ” มีทั้งกิจกรรมเวิร์กช็อปขนาดเล็กที่ผลิตงานศิลปหัตถกรรมดั้งเดิม และค่ายฝึกซูโม่ เป็นสถานที่ฝึกซ้อมหลักของนักซูโม่ร่างยักษ์ และยังมี “สนามกีฬาซูโม่แห่งชาติเรียวโกกุ” เป็นศูนย์กลางของกีฬาประจำชาติญี่ปุ่นตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวในช่วงที่มีการแข่งขันซูโม่ของเรียวโกกุที่จัดปีละ 3 ครั้ง จะได้พบกับธงที่ปลิวไสว เสียงกลองดังสนั่น และได้ชมพละกำลังที่แท้จริงของนักซูโม่ “เรียวโกกุ” ยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของยุคเอโดะ (ปี 1603-1868) สามารถสัมผัสและเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมได้ที่พิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่นี่
สถานี “เรียวโกกุ” มีรถไฟ JR สายโซบุและรถไฟโทเอสายโอเอโดะวิ่งผ่าน
จากสนามบินฮาเนดะ: ใช้เวลา 55 นาทีโดยรถไฟ
จากสนามบินนาริตะ: ใช้เวลา 90 นาทีโดยรถไฟ
จากสถานีชินจูกุ: ใช้เวลา 22 นาทีไปสถานี “เรียวโกกุ” โดยรถไฟ JR สายโซบุ
จากสถานีโตเกียว: ใช้เวลา 16 นาที โดยนั่งรถไฟ JR สายยามาโนเตะมาลงสถานี “อากิฮาบาระ” แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ JR สายโซบุเพื่อไปที่สถานี “เรียวโกกุ”
ซูโม่เป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่นถือกำเนิดมานานกว่า 1,500 ปี แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่กีฬาซูโม่ยังฝังรากหยั่งลึกอยู่จนถึงปัจจุบัน มีการจัดการแข่งขันทั่วประเทศญี่ปุ่นตลอดทั้งปี และที่ “สนามกีฬาซูโม่แห่งชาติเรียวโกกุ” จะมีการจัดงานแข่งขันปีละ 3 ครั้ง เนื่องจากในย่านนี้มีค่ายซูโม่เป็นจำนวนมาก อาจจะมีโอกาสได้เดินสวนกับนักซูโม่ได้ไม่ยาก มีค่ายซูโม่หลายแห่งที่เปิดให้เข้าชมการฝึกซ้อมในช่วงเช้าได้ แต่จะมีข้อจำกัดที่เข้มงวด ขอแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนหากต้องการเข้าชม ถ้าต้องการลิ้มรสอาหารของนักซูโม่แท้ๆ แนะนำให้ลองไปที่ร้านอาหารในท้องถิ่น แล้วลองสั่ง “จังโกะนาเบะ” เมนูโปรดของนักซูโม่ที่เป็นหม้อไฟอัดแน่นไปด้วยเครื่องทั้งหมูและผัก นอกจากนี้ เมนูปลาไหลและมนจายากิก็เป็นอาหารยอดนิยมเช่นกัน
ยุคเอโดะเป็นยุคสมัยที่ประเทศญี่ปุ่นมีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ถ้าได้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่ตั้งอยู่ใน “เรียวโกกุ” มีข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับยุคเอโดะเป็นพิเศษ จะสามารถสัมผัสถึงวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้น นิทรรศการถาวร “พิพิธภัณฑ์เอโดะโตเกียวแห่งกรุงโตเกียว” ใช้สิ่งต่างๆ เช่น วัตถุจริงที่มีอยู่มากมายและแบบจำลองที่ได้รับการบูรณะ เพื่อนำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเอโดะโตเกียว โดยมุ่งเน้นไปที่ช่วงเวลาประมาณสี่ร้อยปีนับตั้งแต่โทกุงาวะ อิเอยาสุเข้าสู่เอโดะ หากต้องการก้าวเข้าสู่โลกของผลงานศิลปะในยุคนั้น ขอแนะนำให้ไปเยือน “พิพิธภัณฑ์ศิลปะซูมิดะโฮกูไซ” สามารถชมคอลเลกชันผลงานของ คะทสุชิกะ โฮกูไซ นักวาดภาพอูคิโยเอะและศิลปินชื่อดังของยุคเอโดะด้วย นอกจากนั้น หากต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีก แนะนำให้ไปชม "พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น" ซึ่งมีดาบที่มีชื่อเสียงมากมายเก็บรักษาอยู่ รวมถึงดาบที่ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติล้ำค่าและมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ หรือไปสัมผัสกับศิลปหัตถกรรมญี่ปุ่นที่ “พิพิธภัณฑ์ศิลปะการพับกระดาษโตเกียว”
*พิพิธภัณฑ์เอโดะโตเกียว กรุงโตเกียว: อาคารมีกำหนดจะปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2022 (ปีเรวะที่ 4) ถึงกลางปี 2025 (ปีเรวะที่ 7) เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมครั้งใหญ่
จาก “เรียวโกกุ” เมื่อข้ามแม่น้ำซูมิดะ จะพบกับ “อาซากุสะบาชิ” เมืองของเหล่าช่างฝีมือ มีการผลิตสินค้าหลากหลายชนิดด้วยวัสดุเช่นไม้ แก้ว หรือหนังจากเวิร์กช็อปขนาดเล็ก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีช่างฝีมือรุ่นใหม่ที่มาช่วยสานต่อศิลปวิทยาการดั้งเดิมเพิ่มมากขึ้นในย่านนี้ สามารถเดินเล่นไปเรื่อยๆ แล้วเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมเวิร์กช็อป หรือจะไปเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์ไม้พอโลเนีย” ที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์พอโลเนียต่างๆ หลากหลาย พร้อมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของพอโลเนีย หรือจะเลือกไป “พิพิธภัณฑ์ดอกไม้ไฟเรียวโกกุ” ที่มีการจัดแสดงดอกไม้ไฟดั้งเดิมหรือโปสเตอร์งานอีเวนต์เก่าแก่ นอกจากนั้น ยังสามารถไปร่วมทัวร์เวิร์กช็อปทำแก้วและเรียนรู้ประวัติศาสตร์หัตถกรรมญี่ปุ่นที่ “ร้านซูมิดะเอโดะคิริโกะ” สามารถสัมผัสประสบการณ์การเจียระไนแก้วเอโดะคิริโกะในแบบฉบับเฉพาะของคุณได้ เนื่องจากทัวร์จะมีเฉพาะภาษาญี่ปุ่น หากต้องการล่าม จำเป็นต้องเตรียมมาด้วยตนเอง